.... กา รป ลูก ป่า ชา ยเ ล น ....
คณะภูมิสารสนเทศศาตร์ปลูกป่าชายเลน @ท้องตมใหญ่ ชุมพร |
เนื่องด้วยปัจจุบันนี้ โลกของเรากำลังได้รับผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมเป็ยอย่างมาก เช่น ภาวะเรือนกระจก มลพิษทางอากาศ มลพิษทางดิน มลพิษทางขยะ มลพิษทางน้ำ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ทำให้ภูมิอากาศของโลกเปลี่ยนแปลงไปและอุณหภูมิของโลกก็สูงขึ้นเรื่อยๆเนื่องจากเราใช้ทรัพยากรอย่างฟุ้มเฟือย โดยที่ไม่คำนึงถึงความสูญเสียที่จะเกิดขึ้น ซึ่งปัจจุบันนี้ก็ได้มีการรณรงค์ ปลูกป่าชายเลน เพราะป่าชายเลนนั้นเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ เป็นที่ทำกินของชาวประมงพื้นบ้าน และต้นโกงกางหรือต้นไม้ที่อยู่ในทะเลก็สามารถเป็นตัวผ่อนแรงของคลื่นที่พัดเข้ามายังชายฝั่งได้ และถ้าเราไม่มีต้นโกงกางหรือต้นไม้เป็นตัวผ่อนความแรง อาจทำให้ชายฝั่งเกิดการพังทะลายลงมาได้ เพราะฉะนั้นเราควรช่วยกันปลูกต้นไม้และรักษาทรัพยากรที่มีอยู่ให้อยู่กับเราไปนานๆ
ฝักต้นโกงกาง |
ฝักที่ปักไปในดินแล้ว |
....การใช้ฝักในการปลูก....
โกงกางใบใหญ่ โกงกางใบเล็ก รังกะแท้ และโปรงแดง สามารถใช้ฝักปักลงในพื้นดินได้ทันที โดยในการปักควรจับฝักห่างจากโคนประมาณหนึ่งในสาม ของความยาวของฝักและให้ส่วนโคนของฝักอยู่ทางด้านนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ คือให้มีลักษณะเหมือนกำฝักไว้ในอุ้งมือ ทั้งนี้เพื่อให้สามารถปักลงไปได้สะดวกและอยู่ในแนวดิ่ง โดยเมื่อปักลงในดินจนหัวแม่มือและนิ้วชี้ชิดกับดิน ถ้าหากพื้นที่เป็นดินปนทรายและแน่นทึบควรใช้ไม่แหลมขนาดเท่าฝักหรือใหญ่กว่าชนิดของฝักเล็กน้อย แทงเพื่อนำร่องก่อน เพื่อลดความกระทบกระเทือนของการเสียดสีระหว่างดินกับผิดของที่ปัก และเมื่อหย่อนฝักลงไปในหลุมที่เตรียมไว้แล้วให้กดดินบริเวณรอบๆโคนฝัก เพื่อไม่ให้โคนโยก โดยเฉพาะจากอิทธิพลของกระคลื่น กระแสลม
ต้นกล้าสำหรับปลูก |
.... การปลูกแบบใช้ต้นกล้า ....
หมุนไม้หลักที่ปักในดินให้เป็นวงกลม ลักษณะเหมือนกับการคว้านให้เป็นหลุม จากนั้นฉีกถุงดำที่หุ้มรากกล้าออก แล้วใส่ลงไปในหลุมที่คว้านไว้ กลบดินเป็นอันเสร็จ
….ระยะการปลูก….
สำหรับระยะของการปลูกพันธุ์ไม้ป่าชายเลน ส่วนใหญ่จะใช้ระยะการปลูกประมาณ 1x1เมตรหรือ 1.5x1.5 เมตร หรือน้อยกว่านั้น ซึ่งจะขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการใช้ประโยชน์ ต่างๆ กัน และวัตถุประสงค์อย่างอื่นของการปลูกด้วย เช่น การปลูกเพื่อเป็นกำแพงกันคลื่นลมตามชายฝั่งทะเล การปลูกเพื่อเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำอาจจะปลูกระยะถี่ ประมาน 0.75x0.75 เมตรก็ได้
....ประโยชน์....
ป่าชายเลนเป็นแหล่งรวมพันธุ์สัตว์ชนิดต่างๆ ทั้งสัตว์บก สัตว์ปีกและสัตว์น้ำ นับว่ามีความสำคัญต่อการดำรงชีพของมนุษย์มากทั้งในเขตป่าชายเลนและตามแนวชายฝั่ง โดยเฉพาะกุ้ง หอย ปู ปลา ที่มีมากมายหลายชนิดที่ชาวบ้านสามารถนำมารับประทานและขายเป็นรายได้ตลอดทั้งปี ดังนั้นป่าชายเลน จึงเปรียบเสมือนตลาดสดสำหรับชุมชน ชุมชนชายฝั่งจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีได้นั้นจะต้องขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลนเป็นหลัก นอกจากนั้นป่าชายเลนยังคอยเกื้อหนุนต่อทรัพยากรทางทะเล เช่น เป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อนชนิดต่างๆ เป็นแหล่งอาหารของสัตว์น้ำนานาพันธุ์ ช่วยป้องกันการพังทลายชายฝั่งจากคลื่นลมและทำหน้าที่รักษาสมดุลของระบบนิเวศชายฝั่ง ที่เกื้อกูลต่อพันธุ์สัตว์และพรรณพืช รวมถึงลดมลภาวะทางอากาศและสิ่งปฏิกูลต่างๆ เป็นต้น มีป่าชายเลนหลายแห่งที่ถูกทำลายและส่งผลต่อจำนวนของสัตว์น้ำที่ลดลง ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากการทำมาหากินเป็นอย่างมาก
วัตถุประสงค์ในการศึกษา
1.เพื่อศึกษาระบบนิเวศป่าชายเลน
2.เพื่อต้องการทราบถึงปริมาณของทรัพยากรมีมากน้อยตามความต้องการเพียงใด
3.เพื่อศึกษาปัญหา และวิธีแก้ไขปัญหาของป่าชายเลน
4.ศึกษาประโยชน์ของการอนุรักษ์ป่าชายเลน
วิธีการศึกษา
1. ตั้งหัวข้องานที่สนใจ |
2. สำรวจแหล่งเรียนรู้ โดยการสอบถามจากชาว |
3. รวบรวมของมูลที่ได้และนำมาสรุปผล 4. จัดทำโครงงานเพื่อนำเสนอผลงาน |
ระยะเวลา
26-28 สิงหาคม 2554
ขอบเขตการศึกษา
- ศึกษาการปลูกป่าชายเลนที่ท้องตมใหญ่
ประโยชน์ที่ได้รับจากการศึกษา
2.ได้เห็นทรัพยากรที่มีอยู่อุดมสมบรูณ์ และมีมากพอตามความต้องการ
3.มีความเข้าใจกับทรัพยากรป่าชายเลน และทรัพยากรสัตว์ที่อยู่คู่กันพึ่งพาอาศัยกัน
4.มีการสร้างจิตสำนึกที่ดีในการอนุรักษ์ และดูแลรักษา
สรุปผลการศึกษา
จากการไปศึกษาดูงานที่บ้านท้องตมใหญ่ อ.สวี จ.ชุมพร พวกเราได้เรียนรู้วิถีชีวิตความเป็นอยู่และการใช้ทรัพยากร การอนุรักษ์ ดูแลป่าชายเลนให้มีความอุดมสมบูรณ์เหมือนเดิม ไม่ทำลาย ระบบนิเวศ และยังช่วยกันอนุรักษ์พันธุ์ปลาให้มีปริมาณมากขึ้นไม่จับปลาในบริเวณที่มีการบวชทะเล ทำให้บ้านท้องตมใหญ่มีความอุดมสมบูรณ์ มีปริมาณสัตว์ที่เพียงพอต่อความต้องการ เราได้เรียนรู้วิธีการปลูกป่าชายเลน ยังได้ลงมือปลูกกันอย่างสนุก การไปศึกษาดูงานครั้งนี้ได้รับประโยชน์เรื่องป่าชายเลนมากมาย ทั้งวิธีการปลูก การจับต้นกล้า การปลูกแบบใช้ฝัก และการปลูกแบบต้นกล้าที่ทำการเพราะชำไว้ ในการปลูกแบบฝักนั้นจะเจริญเติบโตดีกว่าแบบต้นกล้า
จัดทำโดย
นางสาวศุภวรรณ จิระธรรมวรวุฒิ 54170079
นางสาวขวัญเรือน รอดไพร 54170190
นางสาวฐนิดา พินิจ54170192
คณะภูมิสารสนเทศศาสตร์ (ภาคปกติ)
มหาวิทยาลัยบูรพา